วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2554

เที่ยวสวนสยาม

หากท่านนึกไม่ออกว่าจะไปเที่ยวไหนดีในวันหยุดสุดสัปดาห์ละก็ มีอีกที่หนึ่งที่อยากแนะนำ นั่นก็คือสวนสยาม สถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้กรุงเทพ มีทะเลที่อยู่ในกรุงเทพฯสำหรับคนเมืองที่มีเวลาน้อยค่ะ นอกจากทะเลแล้วยังมีเครื่องเล่นสวนสนุกมากมายได้แก่ ม้าหมุนสองชั้น รถไฟเหาะตีลังกา ถนนหรรษา เวทีฟลูมโพมินาด ล่องแก่งอินเดียนาล็อก  เรือมังกร สวนสนุกแฟนตาซีแลนด์ ศูนย์วัฒนธรรมนานาชาติ แอมฟิเธียเตอร์ เกาะผจญภัย รถไฟฟ้าซาฟารี-สวนสัตว์ เมืองเด็ก ธรรมชาติ 2000 ผจญภัยไดโนเสาร์ ไดโนโธเปีย ซูปเปอร์สไปรัล สไลเดอร์ยักษ์ ธารน้ำวน สวนน้ำทะเล-กรุงเทพฯ ค่ายลูกเสือสวนสยาม เครื่องเล่นที่ขึ้นชื่อคือ ซุปเปอร์สไปรอล สไลเดอร์สีรุ้งทะเลสวนน้ำ และ เวอร์เท็กซ์
บัตรที่นี่ก็มีหลายแบบหลายราคานะคะ
เด็กความสูงต่ำกว่า 100 ซม. ผ่านประตู เล่นสวนน้ำ ฟรี (ไม่รวมเครื่องเล่น)แต่สำหรับเด็กโข่งอย่างเราสองคนได้มาฟรีค่ะแต่ที่ฟรีก็เพราะว่ามีคนให้บัตรมาค่ะ อิอิ



บัตร Si-Am Kid Pass (สำหรับเด็กความสูงไม่เกิน 130 ซม.) ราคา 100 บาทผ่านประตู เล่นสวนน้ำ เครื่องเล่น Small World, Family World ฟรีตลอดวัน ค่ะ
บัตร Si-Am Fantasy Pass(บัตรสวนน้ำ)สำหรับผู้ใช้บริการที่มีความสูงตั้งแต่ 130 ซม ขึ้นไป ราคา 300 บาทสำหรับผ่านประตูเล่นน้ำในสวนน้ำฟรีตลอดวัน (พิเศษ: สามารถนำบัตรผ่านประตูไปแสดงเพื่อเล่นเครื่องเล่น ใน โซน Family World และ Fantasy World ฟรีตลอดวัน)
บัตร Si-Am Day Pass ราคา 900 บาทพิเศษ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ขยายเวลาบัตรราคาพิเศษ เหลือเพียง 600 บาท ผ่านประตู เล่นสวนน้ำ เครื่องเล่นทุกชนิด ฟรีตลอดวันค่ะ
บัตรสมาชิก Si-Am Swim Club (บัตรสมาชิกสวนน้ำ 1 ปี )ผู้ใหญ่ ราคา 1,000 บาท, เด็ก ราคา 600 บาทเจ้าของบัตรสามารถผ่านประตู และ เล่นสวนน้ำฟรี วันละ 1 ครั้ง จนกว่าจะหมดอายุบัตรค่ะ
บัตรสมาชิก Si-Am Year Passบัตรสมาชิกเที่ยวสวนน้ำเล่นเครื่องเล่นทุกชนิดฟรีตลอด 1 ปี
ราคา 2,000 บาท เจ้าของบัตรสามารถผ่านประตู และ เล่นสวนน้ำฟรี วันละ 1 ครั้ง และเล่นเครื่องเล่นได้ทุกชนิดฟรีไม่จำกัดจำนวนครั้ง (เฉพาะเครื่องที่เปิดให้บริการ)จนกว่าจะหมดอายุบัตร


siampark2 by you.

siampark3 by you.RIMG0023 by you.
ภาพนี้เป็นรถไฟเหาะตีลังกาเกลียวสว่านใหญ่ที่สุด 1 ใน 2 ของโลกเชียวนะคะ ผลิตและควบคุมการติดตั้งโดยบริษัทเวโกม่า ประเทศเนเธอร์แลนด์เลยค่ะ ยิ่งใหญ่ด้วยความยาว 765 เมตร สูง 33 เมตร และวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 80 กม./ชม. มีคุณสมบัติพิเศษคือไร้พื้นสัมผัสและการปิดกั้น เปิดอิสระในมุมมองและความสนุกสนานแปลกใหม่ หมุนตีลังกาในทุกทิศทางรวม 5 ครั้ง (สำหรับผู้เล่นความสูงเกิน 140 ซม.) อยากเล่นรถไฟเหาะให้มันส์สุดๆ ต้องเลือกที่นั่งให้ถูกด้วยนะคะ เพราะความเร็วของแต่ละที่นั่งจะไม่เท่ากันเมื่อขบวนรถวิ่งผ่านจุดเดียวกัน คนที่นั่งด้านหลังสุดของขบวนรถจะเสียวสุดๆเมื่อรถผ่านจุดสูงสุดของราง กลับกันกับคนที่นั่งด้านหน้าสุดของขบวนรถ จะตื่นเต้นกว่าคนอื่น เมื่อรถไฟเหาะผ่านจุดต่ำสุดของราง เพราะการเปลี่ยนแปลงของความเร่งคือความลับของความตื่นเต้นของรถไฟเหาะนั่นเอง ค่ะ

  หลังจากชมวิวกรุงเทพฯกันแล้วเราก็ไปผจญภัยในดินแดนโลกล้านปีกับจูราสสิกไรเดอร์กันต่อค่ะ โดยรถจี๊ปตะลุยป่าพร้อมเนวิเกเตอร์อารมณ์ดี สนุกสนานตื่นตาตื่นใจกับไดโนเสาร์สายพันธุ์ต่างๆ กว่า 60 ชีวิต สัมผัสความน่ารักของไดโนเสาร์พันธุ์กินพืช ใกล้ชิดกับความเป็นอยู่ของมนุษย์ยุคถ้ำหิน สนุกสุดเหวี่ยงกับไดโนเสาร์กินเนื้อผู้หิวกระหายที่กำลังรอล่าเหยื่อ ความบันเทิงยิ่งใหญ่ระดับโลกที่ไม่ไกลเกินเอื้อม

สวนสยามแสนสนุก
เข้าสู่แดนไดโนเสาร์ค่ะ



สิ่งน่าตื่นตาตื่นใจไม่ได้มีแค่แดนไดโนเสาร์เท่านั้นยังมีอีกที่ใกล้ๆ กันเลย เราก็เดินไป ท่องป่าแอฟริกา หรือ Africa Adventure ที่นี่เขามีให้ท่องกันสองอย่าง มี ล่องเรือ กับ นั่งรถไฟ ใครชอบแบบไหน ก็เลือกแบบนั้นนะ แต่วันนี้สำหรับเด็กโข่งอย่างเราเค้าเลือกให้ขึ้นรถไฟค่ะเพราะว่ามีเพื่อนขึ้นไปด้วยสองสามกลุ่ม ที่รถไฟจะมีเทปบรรยายถึง ชาวแอฟริกา ว่าใช้ชีวิตเป็นอย่างไร  




และถ้ามาสวนสยามจะพลาดไม่ได้ก็คือทะเล หากคนกรุงเทพอย่างเราต้องการพักผ่อนบรรยากาศแบบทะเล ทะเล ไม่ต้องไปไหนไกลแล้วค่ะเชิญสัมผัสกับท้องทะเลในฝันของคุณได้ที่ใจกลางกรุงเทพมหานครสวนสยาม ทะเลเทียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยขนาด 13,600 ตารางเมตร รับรองโดยกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดส สนุกสุดเหวี่ยงไปกับทะเลน้ำจืดและคลื่นยักษ์ที่สร้างจากฝีมือมนุษย์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติบริสุทธิ์ คลื่นในทะเล - กรุงเทพฯ ถูกออกแบบมาให้มีความสูงได้ถึง 1.5 เมตร แต่เพื่อความปลอดภัยของผู้เล่น ที่นั่นกำหนดให้คลื่นมีความสูงเพียง 60 เซนติเมตร เท่านั้นค่ะ สบายใจหายห่วง 





วิธีการเดินทางมาสวนสยาม
ทะเลกรุงเทพสวนสยามอยู่บน ถนนเสรีไทย หากวิ่งมาตามถนนรามอินทรา เมื่อถึงกม.12บริเวณตรงข้ามโรงพยาบาลนพรัตน์ให้เลี้ยวเข้าซอยฝั่งตรงข้ามนอกจากนั้นสามารถเดินทางมาทางรถเมล์สาย60,71,96,115 ปอ.168 ปอ.519ปอพ.8,ปอพ.17 ผ่านด้านหน้าสวนสยามทั้งหมดค่ะสวนสยามเปิดเวลา 10.00น.ถึง 18.00 น. ที่นี่เปิด ทุกวัน ไม่มีวันหยุดตลอด365 วันค่ะ










 
     

วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2554

แฟรนไชส์ นมปั่น

ธุรกิจเปิดร้านขายนมปั่น กำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคที่รักสุขภาพ สามารถทำเป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้อย่างงาม

นมปั่น กำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคที่รักสุขภาพ ซึ่งธุรกิจขายนมปั่นในปัจจุบันก็มีการใส่ความคิดสร้างสรรค์ จากนมปั่นธรรมดา ก็มีการพัฒนาปรุงแต่งรสชาติให้หลากหลายมากขึ้น และยังมีการแต่งหน้าด้วยท็อปปิ้ง จำพวกขนมต่าง ๆ ให้มีความสวยงามและน่ารับประทานมากขึ้น ธุรกิจนี้เป็นอีกหนึ่ง ช่องทางทำกิน ที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหาอาชีพ ค้าขายอาหารการกินแนวเพื่อสุขภาพ

แหม่ม-ชัชฎาภรณ์ แซ่ตั้ง ซึ่งทำธุรกิจเปิดร้านขาย นมปั่น มา 3 เดือนกว่า เล่าว่า ที่บ้านจะเปิดร้านทำเหล็ก อลูมิเนียม ปกติก็จะช่วยที่บ้านดูแลร้าน แต่ด้วยความที่เป็นคนชอบค้าขายก็มักจะหาอาชีพเสริมที่ เกี่ยวกับการค้าขายทำ ไปด้วย ซึ่งก็เคยทำอาหารส่งตามตึก ตามหอพัก จากนั้นก็ลงทุนกับเพื่อน ๆ พี่ ๆ เปิดร้านอาหารตอนกลางคืน แต่ภายหลังได้ถอนตัวออกมา แล้วก็พยายามมองหาอาชีพอื่น ๆ ลงทุนทำต่อไป

ได้เจอกับ ธนพล กำพุสิริ เพื่อนรุ่นพี่ที่เขาทำแฟรนไชส์นมปั่น อังเคิล โจ มิกซ์ มิลค์ พอได้พูดคุยแล้วก็ตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์นมปั่น 45,000 บาท มาทำ แต่ก่อนที่จะเปิดร้านนั้นเราจะต้องทำการสำรวจตลาดก่อนเป็นอันดับแรก โดยเราสำรวจดูแล้วว่า ย่านที่เราจะเปิดร้านนั้นยังไม่มีร้านที่ขายนมปั่น และที่สำคัญจะต้องดูว่าย่านนั้น เป็นแหล่งชุมชนที่มีความพลุกพล่านด้วย ถึงจะดีสำหรับการเปิดร้านค้าขาย
แหม่มบอกต่อไปว่า ตอนเปิดร้านใหม่ ๆ ก็จะทำการตลาดให้ร้าน ด้วยการเริ่มจากทำนมปั่น แล้วเดินแจกให้ลูกค้าย่านนั้นชิมฟรีเพื่อเป็นการโปรโมทร้าน ซึ่งก็ได้ผลดีทีเดียว
สำหรับอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมีในการทำร้านนมปั่นนั้น หลัก ๆ ก็มี เครื่องปั่น, แก้วพลาสติกใสชนิดแข็งอย่างดี (ขนาด 12 ออนซ์ และ 16 ออนซ์), ถังน้ำแข็ง, หลอด, ขวดโหล เป็นต้น
เครื่องปั่นนั้นแหม่มแนะนำว่า ต้องเลือกซื้อเครื่องปั่นที่เป็นใบมีดไมโคร สำหรับปั่นน้ำแข็งได้โดยเฉพาะ และจะให้ดีควรจะมี 2 เครื่อง ไว้สลับใช้งาน เพราะถ้ามีเครื่องเดียวใช้ปั่นตลอดทั้งวัน อาจจะทำให้เครื่องเสียเร็ว
ส่วนวัตถุดิบ หลัก ๆ ก็ประกอบ นมโคสดแท้รสจืด (ต้องรับสดจากฟาร์มที่มีคุณภาพ), ผงแต่งกลิ่น ซึ่งจะมีหลากหลายกลิ่น อาทิ แคนตาลูป, สตรอเบอรี่, บลูเบอร์รี่, กล้วย ฯลฯ นอกจากนั้นก็จะเป็นพวก ท็อปปิ้งต่าง ๆ สำหรับโรยหน้า เช่น โอริโอ้, โอโจ้, เจลลี่, ฟรุตสลัด ฯลฯ
นมปั่นจะมีรสชาติอร่อยหรือไม่อร่อยนั้น สำคัญอยู่ที่วัตถุดิบตัวหลัก คือ นมโคสด ที่รับมาจากฟาร์ม จะต้องเป็นนมที่สดใหม่ และอีกจุดที่สำคัญยังอยู่ที่เคล็ดลับการนำมาปรุงแต่ง โดยจะเน้นหวานมันและหอม ซึ่งการปรุงก็อาจมีสูตรเฉพาะของแต่ละคน

ขั้นตอนการปั่นนม
จะไม่ใช้น้ำร้อนชงผสมกับผงแต่งกลิ่นก่อน และไม่มีการใช้น้ำเชื่อม เพราะจะทำให้รสชาติของนมปั่นไม่ เข็มข้น และละลายเร็วอีกด้วย วิธีการคือจะใช้ระบบปั่นเย็น เพื่อให้ได้รสชาตินมปั่นที่เข้มข้น และน้ำแข็งก็อยู่ได้นานอีกด้วย ทั้งนี้ การทำนมปั่นเริ่มจากใช้แก้วพลาสติกที่ใส่ขายทำการตักน้ำ แข็งให้ได้เต็มแก้ว พอดี จากนั้นก็นำน้ำแข็งใส่ลงในเครื่องปั่น ใส่ผงแต่งกลิ่นตามที่ลูกค้าสั่งตามลงไป น้ำแข็งที่ใช้เป็นน้ำแข็งหลอดเล็ก ส่วนผงแต่งกลิ่นนั้นถ้าเป็นแก้ว 12 ออนซ์ ก็ใส่ 2 ช้อนชา ถ้าเป็นแก้ว 16 ออนซ์ ใส่ 3 ช้อนชา
ใส่นมข้นหวานเพื่อเพิ่มความหวาน ถ้าต้องการหวานมากก็ใส่มาก ถ้าหวานน้อยก็ใส่น้อยตามต้องการ ใส่นมจืดอีกเล็กน้อยเพื่อเป็นการเพิ่มความมัน สุดท้ายก็ใส่นมสดที่ทำการปรุงแต่งไว้ลงไปให้เต็มพอดีน้ำแข็ง จากนั้นก็ปั่นให้ละเอียดที่สุด เมื่อทำการปั่นจนละเอียดแล้วก็เทใส่แก้ว เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย จะได้นมปั่นพร้อมเสิร์ฟ แต่ถ้าลูกค้าต้องการโรยหน้าเพิ่มด้วยท็อปปิ้งต่าง ๆ ก็โรยตามลูกค้าสั่ง โดยโรย 2 อย่างคิดเพิ่ม 5 บาท
นมปั่นทำได้หลากหลายรสชาติ เช่น โกโก้ โอวัลติน แคนตาลูป สตรอเบอรี่ บลูเบอรี่ เผือก วานิลา กาแฟ ฯลฯ ราคาก็มีตั้งแต่ 20 บาทขึ้นไป แล้วแต่รสชาติ ขนาดแก้ว โดยมีต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 14-15 บาทขึ้นไป และก็สามารถทำรายได้เพิ่มจากการขายขนมปังเย็น หรือขนมปังปิ้งควบคู่ไปด้วย
ร้านของแหม่มเปิดขายทุกวัน เวลา 09.00-22.30 น. โดยยู่ตรงปากซอยโชคชัย 4 ซอย 37 เบอร์โทรศัพท์ร้านคือ 08-1563-4398 หรือใครต้องการปรึกษาการทำธุรกิจนี้แบบแฟรนไชส์ ก็ติดต่อธนพลได้ที่เบอร์ 08-5557-3738 ทั้งนี้ ถ้าชอบขายอาหารสุขภาพ และมีทำเลดี บางที ธุรกิจนมปั่น
ขอขอบคุณ
ข้อมูลจากนางสาวร้อยแปด

ที่มาของลอดช่องสิงคโปร์

นายณรงค์ จักรธีรังกูร เจ้าของร้านสิงคโปร์โภชนา
ใครจะรู้บ้างว่า คำว่า ลอดช่องสิงคโปร์นั้น แท้จริงแล้วต้นกำเนิดไม่ได้มาจากประเทศสิงคโปร์ แต่เกิดจากภูมิปัญญาของคนไทยเรานี่เอง ที่ได้นำแป้งมันสำปะหลังมาปั้น และนวดให้เหนียว รับประทานกับกะทิสด และน้ำเชื่อม น้ำแข็งป่น ก็เพิ่มความสดชื่นให้กับผู้บริโภคได้แล้ว แต่หลายคนคงสงสัยว่าแล้วคำว่า สิงคโปร์ล่ะ มาจากไหน ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกกันจนติดปาก ถึงบริเวณที่ตั้งร้านนี้ ที่เป็นเจ้าแรก ในการทำ “ลอดช่องสิงคโปร์” นั่นเอง
ลอดช่องสิงคโปร์ตักใส่แก้วเตรียมใส่น้ำแข็งพร้อมเสริฟให้ลูกค้า
เพราะหากย้อนไปเมื่อประมาณ 60 ปีก่อน ร้านนี้บังเอิญไปตั้งอยู่บริเวณ หน้าโรงภาพยนต์สิงคโปร์ (เดิม) หรือโรงหนังเฉลิมบุรี บนถนนเยาวราช และเมื่อลูกค้าจะไปทาน ก็มักจะเรียกว่า “ไปทานลอดช่องหน้าโรงหนังสิงคโปร์” สุดท้ายก็เรียกให้สั้นลงว่า “ลอดช่องสิงคโปร์” แทน
ส่งผลให้ร้าน “สิงคโปร์โภชนา” เป็นร้านต้นกำเนิดลอดช่องสิงคโปร์ ที่เรียกกันติดปากมาจนถึงปัจจุบัน โดยนายณรงค์ จักรธีรังกูร เจ้าของร้านสิงคโปร์โภชนา ได้ย้อนอดีตให้ฟังว่า ธุรกิจ กิจนี้เป็นของผู้เป็นพ่อ โดยได้รับการถ่ายทอดสูตรมาจากเพื่อนอีกทีหนึ่ง ซึ่งรวมระยะเวลาที่ร้านลอดช่องสิงคโปร์ เปิดบริการให้ลูกค้าได้ลิ้มลองก็ ประมาณกว่า 60 ปี โดยตั้งที่บริเวณแยกหมอมี ตรงข้ามธนาคาร UOB ถ.เจริญกรุง ซึ่งแต่เดิมเป็นโรงหนังสิงคโปร์ จนกระทั่งถูกรื้อทิ้ง สร้างใหม่เป็นโรงหนังเฉลิมบุรี
“การที่ร้านเราสามารถครองใจลูกค้ามาได้ยาวนานถึง 60 ปี เนื่องจากการคงคุณภาพวัตถุดิบ และสูตรของขนมลอดช่องสิงคโปร์ที่ไม่เปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะการใช้กะทิ แบบเข้มข้น เพื่อให้ได้ความหอม มัน ที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด ส่วนเส้น ของลอดช่อง ก็มีความเหนียวนุ่ม โดยสีที่นำมาใช้จะเป็นสีเขียวของใบเตยและสีผสมอาหาร ซึ่งหากใช้สีของใบเตยเพียงอย่างเดียวจะทำให้สีไม่สวย สดใส ในขณะที่น้ำเชื่อมก็ไม่หวานจนเกินไปนัก พร้อมใส่ขนุนลงไปในน้ำเชื่อมด้วย ทำให้ลูกค้าในปัจจุบันมีทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่เคยมารับประทานตั้งแต่สมัยเป็นหนุ่มสาว ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นลูกค้าประจำแม้อายุจะล่วงเลยไปถึง 70-80 ปี แล้วก็ตาม โดยทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มานั่งกินลอดช่องสิงคโปร์เพื่อมารำลึกความหลัง”
ปัจจุบันร้านลอดช่องสิงคโปร์ ได้มีการเพิ่มเมนูที่เป็นของคาวเพิ่มขึ้นด้วย คือ ก๋วยเตี๋ยว ลูกชิ้นหมูน้ำใส จากเดิมที่ขายก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ และก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ซึ่งก็ได้รับนิยมของลูกค้าไม่แพ้กัน เพราะเมื่อลูกค้าสั่งก๋วยเตี๋ยวรับประทานแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะสั่งของหวาน อย่างลอดช่องสิงคโปร์ตบท้าย เพื่อความสดชื่น รวมถึงขณะนี้ได้ขยายสาขาไปที่บริเวณแยกสะพานควาย ข้างบิ๊กซี
ส่วนยอดขายในปัจจุบัน นายณรงค์ บอกว่า ตนเองไม่เคยคำนวณกำไร และต้นทุน เพราะเมื่อจะเอาเงินไปซื้อวัตถุดิบ ก็จะหยิบเอามาจากถัง ที่ถูกชักลอกด้วยเชือก ที่อยู่ในร้าน แต่ก็ถือว่าไม่เคยขาดทุน มีเงินหมุนเวียนใช้ในร้านตลอดเวลา รวมถึงจำนวนแก้วของลอดช่องสิงคโปร์ที่ขายได้ในปัจจุบัน ก็ไม่เคยนับด้วยเช่นกัน เพราะตั้งแต่เปิดร้านเวลา 11.00 -21.00 น. เมื่อลอดช่องสิงคโปร์ให้โถแก้วหมด ก็จะทำเติมอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งร้านปิด ซึ่งขณะนี้ขายในราคาแก้วละ 15 บาท โดยยังไม่มีโครงการขึ้นราคาตามราคาของแป้ง น้ำตาล และมะพร้าว ที่ปรับราคาขึ้นไปแล้ว
ลอดช่องสิงคโปร์รสหวาน มัน รับประทานชื่นใจ
เป็นที่น่าเสียดาย เมื่อเราถาม ณรงค์ว่า มีแผนการดำเนินธุรกิจนี้ต่อไปอย่างไรในอนาคต คำตอบที่ได้คือ คงจะทำอีกไม่กี่ปี ก็จะเลิกทำแล้ว เพราะไม่มีผู้สืบทอด ซึ่งโดยส่วนตัวคิดจะเลิกหลายครั้งแล้ว เพราะเหนื่อย ทำไม่ค่อยไหว เนื่องจากอายุอานามที่เพิ่มขึ้น เข้าสู่วัยเกษียณ ซึ่งลูกหลานก็อยากให้เลิกทำ อยากให้พักผ่อน ซึ่งฟังแล้วก็ใจหาย ที่ในอนาคตจะไม่ได้เห็น และรับประทานขนมลอดช่องสิงคโปร์ที่เป็นต้นตำรับ หาใครทำเลียนแบบได้ยาก
ร้านลอดช่องสิงคโปร์ โภชนานั้น ปัจจุบันได้กลายเป็นตำนานบนถนนเยาวราช เพราะไม่เพียงแต่ความเก่าแก่ที่ครองใจผู้บริโภคมานานกว่า 60 ปีแล้ว ร้านนี้ยังถูกทางสำนักงานเขตสัมพันธ์วงศ์ ได้ขอให้คงอยู่ไว้ เพราะถือว่าร้านนี้กลายเป็นตำนาน และเป็นส่วนหนึ่งของเยาวราชที่ขาดไม่ได้ไป แล้ว

ขอขอบคุณ
ข้อมูลจากนางสาวร้อยแปด

เที่ยว เกาะเกร็ด นนทบุรี


เริ่มต้นที่นี่... ขึ้นเรือที่ท่าเรือวัดสนามเหนือ



คนละ 2 บาท



ท่าเรือแห่งนี้วิวสวยกว่าใคร เพราะมองเห็นเจดีย์เอียง ไฮไลท์ของเกาะเกร็ด


วัดชื่ออะไรไม่ทราบจริงๆ  แต่รับรองนั่งเรือผ่านแน่ๆ


สภาพบ้านเรือนผู้คนรายรอบเกาะ


ทั้งชีวิตอยู่กับสายน้ำ แม่น้ำเจ้าพระยา


บ้านส่วนใหญ่ ทำบันไดทอดลงมาแม่น้ำ


และมักจะมีท่าเรือ หรือโป๊ะ ไว้ใช้ส่วนตัวครับ เค้าเดินทางด้วยทางเรือเป็นหลัก บนเกาะเป็นแค่ทางเดินแคบๆ วิ่งได้เฉพาะจักรยาน มอเตอร์ไซด์



ขึ้นจากเรือก็จะเจอวัดแห่งแรก คือ วัดปรมัยยิกาวาส  เข้าไปไหว้พระก่อน


ทางเข้าหมู่บ้านโอ่งอ่าง ทางเดินแคบๆ เต็มไปด้วยร้านรวง ขายสินค้าโอท็อป อาหารการกิน ฯลฯ  เสาร์ อาทิตย์ คนแน่นมาก



ห้องน้ำบนเกาะ ใหญ่ สะอาด มิดชิด มีหลายห้อง บริการฟรี




เสาร์ อาทิตย์ มีการแสดงวัฒนธรรม หน้าวัดสนามเหนือ ฝรั่งชอบมานั่งชม ใต้ร่มไม้เย็นดี





วัดสนามเหนือ



จากนั้นเดินต่อไป รอบบริเวณวัดเป็นสถานที่ขายสินค้ามากมาย หลากหลาย




โอ่งดินเผา สินค้าขึ้นชื่องที่นี่ ซื้อน้ำแถมโอ่ง




สินค้าหัตถกรรมต่างๆ มีเยอะแยะ สาธยายไม่หมด ที่สำคัญ ราคาถูกกว่าจตุจักร





ทอดมันหน่อกะลา และทอดบรรดาพืชผัก พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด ของกินเล่นยอดนิยม



ไอสครีม Swensen  ก็มีให้บริการบนเกาะแห่งนี้ 



อันนี้ Ice Monster น้ำแข็งไสเกล็ดหิมะ ถ้วยละ 10 บาท



เข้าแถวซื้อยาวมากๆ  ของเค้าอร่อยจริงๆ

ขอบคุณ
Prince of the Wind  องค์ชายสายลม
Saisampan.net www.Stats.in.th

คอไอศกรีม




แก๊ง แก๊ง เสียงกระดิ่งสัญลักษณ์ของ ไอศกรีมมาแล้ว ดังเข้าหูให้ใจชื้นว่า ฮีโร่ผู้พิชิตความร้อนได้มาช่วยแล้ว

ไอศกรีม มักเป็นพระเอกที่ทุกคนต่างนึกถึงเสมอยามร้อน จนทุกวันนี้ไอศกรีมไม่เป็นเพียงเครื่องบรรเทาร้อนยอดฮิตเท่านั้น แต่ยังได้ชื่อว่าเป็นของหวานเบอร์หนึ่งที่เกาะกุมหัวใจคนไว้ทั้งโลก เราจึงไม่พลาด ขอพาทุกคนไปค้นหาความพิเศษที่ตรึงใจคนไว้ใต้ความเย็นของก้อนไอศกรีมแสนสวย

เฮ็งต๋ง และเฟิงสุ่ยจูเนียร์ ของดิฉัน เป็นicecream lovers ตัวฉกาจเลยค่ะ ทำให้ดิฉันต้องขวนขวายหาทางซื้ออุปกรณ์และฝึกการทำไอศกรีม นี่คือที่มาของโพสต์วันนี้ค่ะ

ตำนานไอศกรีม

ไอศกรีมมีประวัติการกำเนิดมายาวนานอยู่หลายตำนาน ไอศกรีมมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 1 ยุคของจักรพรรดิเนโรแห่งอาณาจักรโรมันที่ได้พระราชทานเลี้ยงไอศกรีมแก่เหล่าทหารในกองทัพ ซึ่งในสมัยนั้นไอศกรีมยังเป็นเพียงหิมะที่เหล่าทาสไปขุดมาจากภูเขา แล้วนำมาผสมกับน้ำผึ้งและผลไม้ ซึ่งไอศกรีมชนิดนี้ก็คือเชอร์เบ็ตในปัจจุบันนั่นเอง

อีกตำนานบอกว่าเกิดขึ้นราวสี่พันปีที่แล้ว เมื่อบรรพบุรุษของจีนได้ค้นพบไอศกรีม โดยนำนมที่เหลือไปหมกไว้ในหิมะเพื่อเก็บไว้ให้นานขึ้น จนนมแข็งตัว กลายเป็นไอศกรีมต้นแบบของโลกในที่สุดในเวลาไล่เลี่ยกันที่อินเดียก็มี Kulfi ไอศกรีมซึ่งนำนมมาต้นผสมกับถั่วพิสทาชิโอ แช่เย็นจนแข็ง ปัจจุบันไอศกรีมของอินเดียก็ยังเป็นเช่นนี้ ในศตวรรษที่ 13 มาร์โค โปโล นำสูตรไอศกรีมกลับมาจากจีน และพัฒนาต่อจนเป็นไอศกรีมที่ใช้การปั่นให้เย็นจนแข็งที่เรียกว่า เจลาติ (Gelati) จนคนอิตาลีจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าเหล่าบรรพชนของตนเป็นคนค้นพบไอศกรีมเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม ประมาณปี 1533 ในงานเฉลิมฉลองพระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างแคเทอรีน เดอเมดิซี แห่งเวนิส กับกษัตริย์เฮนรี่ที่ 2 ของฝรั่งเศส มีการนำของหวานกึ่งแช่แข็งทำจากครีมข้นหวานที่มีลักษณะคล้ายไอศกรีมในปัจจุบันมาเสิร์ฟให้กับแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ที่ทำให้คนค่อนโลกรู้จักไอศกรีม

ไอศกรีมกลายเป็นของหวานที่นิยมไปตามซีกโลกต่าง ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง เมื่อนางแนนซี่ จอห์นสัน ชาวอเมริกัน คิดประดิษฐ์เครื่องทำไอศกรีมขึ้นมาเป็นครั้งแรก และสหรัฐอเมริกาก็กลายเป็นผู้นำไอศกรีมมาจนถึงทุกวันนี้


ก้าวแรก ไอศกรีมย่างเข้าสู่ไทย

ไอศกรีมในบ้านเรานั้นมีความเกี่ยวโยงกับประวัติของน้ำแข็งอย่างแน่นแฟ้น น้ำแข็งเข้ามาสู่ดินแดนสยามเป็นครั้งแรกพร้อมกับเรือกลไฟที่มาจากสิงคโปร์ เพื่อนำขึ้นถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และด้วยความเหลือเชื่อที่น้ำจะแข็งตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้จริง จึงมีบันทึกบางฉบับอ้างไว้ว่าทำให้เกิดสุภาษิต อย่าปั้นน้ำเป็นตัว ขึ้นมา

ต่อมาในช่วงรัชกาลที่ 5 การทำไอศกรีมจึงเกิดขึ้น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้บันทึกไว้ในหนังสือเรื่อง ความทรงจำหลังจากเสด็จประพาสสิงคโปร์ พ.ศ.2414 ของรัชกาลที่ 5 ว่า ไอศกรีมเป็นของวิเศษในเวลานั้น เพราะเพิ่งได้เครื่องทำน้ำแข็งอย่างเล็ก ๆ ที่สำหรับเขาทำกันตามเมืองนอกเข้ามาถึงเมืองไทย ทำบางวันน้ำก็แข็งบางวันก็ไม่แข็ง มีไอศกรีมตั้งเครื่องแต่บางวัน จึงเห็นเป็นของวิเศษ ด้วยความวิเศษเหลือแสนนี้ ไอศกรีมจึงเป็นของหวานของคนในรั้วในวังเท่านั้น

ไอศกรีมเริ่มแพร่หลายให้คนสามัญชนได้ลิ้มรสเมื่อมีการตั้งโรงงานผลิตน้ำแข็งขึ้นในเมืองไทย ช่วงแรกนั้นยังเป็นสูตรที่ใช้นมและครีมแบบฝรั่งเป็นหลัก จึงมีราคาค่อนข้างแพง มีขายเฉพาะในภัตตาคารใหญ่ ๆ แถบราชวงศ์เท่านั้น จนราวปี พ.ศ.2446 ชาวบ้านทั่วไปจึงเริ่มมีโอกาสซื้อไอศกรีมกินได้ ซึ่งยังเป็นสูตรง่าย ๆ คล้ายน้ำเชื่อมที่ปั่นจนแข็งเป็นเกล็ดน้ำแข็ง แล้วพัฒนาต่อมาเป็นของหวานที่เรายังคงนิยมมาถึงตอนนี้ คือ น้ำแข็งใส หรืออีกชื่อหนึ่งว่า น้ำแข็งกด เป็นเกล็ดน้ำแข็งละเอียดราดด้วยน้ำเชื่อมรสต่าง ๆ มีทั้งชนิดอัดใส่พิมพ์เสียบไม้เดินถือสะดวก และชนิดกินกับเครื่องเคียงเหมือขนมน้ำแข็งไสในปัจจุบัน

ในเวลาไล่เลี่ยกัน ไอสกรีมอีกชนิดที่ได้รับความนิยมตามมาคือ ไอติมหลอด ซึ่งนำน้ำหวานหลายรสหลากสีสารพัดจะหาได้มาเทใส่พิมพ์โลหะทรงกระบอก แล้วเสียบเรียงกันในถังน้ำแข็งผสมเกลือ หมุนถังไปมาจนน้ำเริ่มแข็งตัว แล้วเสียบไม้ เมื่อเมืองไทยมีตู้เย็น เราก็มีไอติมหวานเย็น ทำง่าย ๆ แค่เทน้ำหวานใส่ถาดหล่อน้ำแข็งแล้วนำไปแช่ข้ามคืน ก็ได้ไอติมก้อนหวานเย็นพอดีคำ ต่อมาพัฒนาใส่ถุงพลาสติกใบเล็กจนเต็มแล้วแช่ให้แข็ง จนเปลี่ยนมาใส่พิมพ์พลาสติกรูปต่าง ๆ ให้ดึงดูดใจมากขึ้น และเรียกว่า ไอศกรีมตัวดูด
รูปแบบของไอศกรีมไม่ได้มีเท่านี้ ยังมี ไอติมตัด ที่ทำเป็นแท่งยาวแล้วตัดแบ่งเสียบไม้ขาย ส่วนไอสกรีมที่ครองใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้เหนียวแน่นที่สุด ต้องยกให้ ไอศกรีมกะทิ ที่แปลงสูตรใช้กะทิแทนนม หรือครีมซึ่งมีราคาแพง บางสูตรใส่ลอดช่อง หรือซาหริ่มลงไปเพิ่มรสชาติ กินกับข้าวเหนียวมูน ลูกชิด และยังใส่ไอศกรีมในขนมปัง โรยหน้าด้วยถั่วลิสงคั่ว เป็นอันครบเครื่องไอศกรีมกะทิ
ว่าไปแล้ว ไอศกรีมไม่เหมือนอาหาร หรือขนมอื่น ๆ เพราะมีการปรับตัวตามยุคสมัยมาตลอด จากเดิมใช้รถเข็นก็ปลี่ยนมาเป็นรถสามล้อ จากกระดิ่งเป็นเสียงแตรและเสียงดนตรี และหันมานั่งกินในร้านอย่างศาลาโฟร์โมสต์ ที่ปรับโฉมไอศกรีมเป็นของหวานสุดหรูของวัยรุ่น จนปัจจุบันมีร้านไอศกรีมที่แต่งจนกิ๊บเก๋น่านั่งมากมาย ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเด็ก ๆ เท่านั้นที่อดใจไม่อยู่ ทั้งวัยรุ่น พี่ป้าน้าอาก็อยากเข้าไปหลบร้อนกินไอศกรีมคลายร้อนสักถ้วยเหมือนกัน

ทุกวันนี้ไอศกรีมแทบจะกลายเป็นแฟชั่นที่แข่งขันกันสร้างสรรค์ให้ดึงดูดใจคอไอศกรีมมากขึ้น แค่รสชาติมีทั้งแบบไทยและเทศให้เลือกนับร้อย เช่น มะม่วง ระกำ รัมเรซิน สตรอว์เบอร์รี่ คาปุชชีโน ช็อกโกแลตฟัดจ์ คุกกี้แอนด์ครีม ฯลฯ ที่ตกแต่งมาด้วยท็อปปิ้ง และเครื่องเคียงที่ช่วยเสริมรสอร่อยอีกนานาชนิด ทั้งวิปครีมฟูเบา รสหวานมัน ช็อกโกแลตรสเข้ม เยลลี่หลากสีและผลไม้ต่าง ๆ รวมทั้งลูกเชอร์รี่ในน้ำเชื่อมเหล้ามาราสชิโน ที่เป็นเหมือนสัญษลักษณ์ของ ไอศกรีมซันเดย์ ที่เดี๋ยวนี้ไม่ได้มีขายเฉพาะแต่วันอาทิตย์อีกแล้ว รวมไปถึงไอศกรีมแบบแท่งที่ออกแบบรูปร่างและสีสันจนเกินจินตนาการ มีทั้งรูปแตงโม แบบเกลียวสอดไส้สลับสี เป็นต้น และในยุคสมัยที่กระแสสุขภาพมาแรง ไอศกรีมก็ปรับต้วเข้ากระแสได้อย่างแนบแน่น เพิ่มทางเลือกสำหรับผู้รักสุขภาพ มีทั้งรสสมุนไพร ชาเขียว งาดำ เต้าหู้ และไอศกรีมโยเกิร์ตไขมันต่ำ สำหรับสาว ๆ ที่กลัวอ้วน ซึ่งลูกเล่นเพิ่มความน่ากินเหล่านี้ได้กลายเป็นจุดแข็งขันที่เข้มข้นไปแล้ว แต่ก็ถือเป็นผลดีกับผู้บริโภคที่มีให้เลือกกินได้อย่างหลากหลายและจุใจ

จึงไม่น่าแปลกใจที่ไอศกรีมยังยืนหยัดและเป็นของหวานที่เย็นเยียบเปี่ยมเสน่ห์ ถวิลหาของคนทั่วโลกเสมอมา และมีแนวโน้มว่าจะเสมอไปตามอุณหภูมิของโลกที่ร้อนขึ้นทุกปี

เชื่อว่าคอไอศกรีมหลายคนคงเคยอยากทำไอศกรีมกินเองแต่พออ่านสูตรแล้วไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร จับต้นชนปลายไม่ถูก ถ้าเป็นอย่างนั้น ก่อนอื่นต้องมาดูความสำคัญแตะละส่วนให้เห็นชัด ๆ เผื่อคราวหน้าลงมือทำจะได้ไม่งงอีก

องค์ประกอบของไอศกรีม

1. น้ำ เป็นส่วนประกอบหลักของไอศกรีมที่แฝงตัวมากับนม ไข่ หรือผลไม้ ซึ่งมีมากถึงประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์ โดยจะอยู่ในสภาพของผลึกน้ำแข็ง เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราสดชื่น
2. ไขมัน ส่วนมากใช้นมหรือครีม แต่บางสูตรก็ใช้กะทิอย่างในบ้านเรา ซึ่งเจ้าไขมันนี้ช่วยให้ไอศกรีมมีรสมันอร่อย เนื้อเรียบเนียนและมีกลิ่นรสดี     3. ธาตุน้ำนมไม่รวมมันเนย หรือนมผงขาดมันเนย (skim milk powder) นั่นเอง ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่ทำให้ไอศกรีมเนื้อดี ไม่หยาบ เพิ่มความข้นหนืด ช่วยให้ฟูเบา และทำให้เย็นเร็วขึ้น
4. สารให้ความหวาน นิยมใช้น้ำตาลทรายหรือซูโครส ซึ่งนอกจากให้ความหวานอร่อยแล้ว ยังช่วยให้ไอศกรีมเนื้อหนืดดีขึ้น และช่วยให้ไอศกรีมแข็งตัวเร็ว จึงปั่นได้ง่ายขึ้น
5. สารให้ความคงตัว (stabilizer) และอิมัลซิไฟเออร์ (emulsifier) ทั้งสองชนิดต่างก็ช่วยให้ไอศกรีมอร่อยและเนื้อดีขึ้น ทำได้ง่าย และเก็บได้นาน ส่วนมากถ้าทำกินเองมักใช้ไข่ไก่ เจลาติน แป้งข้าวโพด หรือแป้งมัน แต่ในระดับอุตสาหกรรมจะมีการออกแบบขึ้นมาพิเศษ
กว่าจะเป็นไอศกรีม


วิธีการทำก็แค่ใส่ทุกอย่างลงผสมตามสูตร แล้วนำไปบ่มในตู้เย็น 4 ชั่วโมงให้ส่วนผสมเข้ากันและสารต่าง ๆ ทำงานได้ดีขึ้น แล้วค่อยนำมาปั่นด้วยเครื่องให้ส่วนผสมเย็นจนแข็งตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็งเล็ก ๆ และเติมอากาศเข้าไปทำให้ฟูเบา เสร็จแล้วเทใส่ถัง แช่แข็งต่ออีกประมาณ 4-6 ชั่วโมง เท่านี้ก็จะได้ไอศกรีมกินแล้ว

พูดถึงการทำไอศกรีม ส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือ เครื่องปั่น ที่ใช้กันตามบ้านมีอยู่ 2 แบบ แบบถังเจลที่ต้องแช่แข็งถังก่อนนำมาปั่น ซึ่งแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะกับอากาศบ้านเรา เพราะจะเย็นไม่พอ จึงปั่นไอศกรีมให้แข็งยาก ส่วนอีกแบบคือ ถังที่ให้ความเย็นด้วยน้ำแข็งผสมเกลือ สำหรับอากาศร้อน ๆ ให้ใช้อัตราส่วนน้ำแข็งต่อเกลือเป็น 5:1 ซึ่งทั้งสองแบบใช้มอเตอร์เป็นตัวหมุนใบพัดช่วยตีลมเติมเข้าไป ทำให้ไอศกรีมเย็นและฟูเบา ราคาตกเครื่องละ 3,000-5,000 บาท
ไอศกรีมเป็นของหวานชนิดหนึ่งในตระกูลของหวานแช่แข็งหรือ Frozen Dessert ซึ่งยังมีสมาชิกอื่น ๆ ที่นิยมกันในบ้านเราอีกหลายชนิด
1. Ice Cream มีส่วนผสมของไขมันไม่ต่ำกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันมีรสแปลกใหม่ให้เลือกมากมาย เช่น คุกกี้โดมินต์ชิป แต่รสที่ยังได้รับความนิยมมากที่สุดก็ยังเป็นรสพื้นฐานอย่างวนิลา
2. Frozen Custard, French Ice Cream หรือ French Custard Ice Cream ในบ้านเราที่เข้าข่ายคือ ไอศกรีมไข่แข็ง เมื่อตักเข้าปากแล้วจะได้กลิ่นของไข่ เพราะมีปริมาณไข่แดงในส่วนผสมมากกว่าปกติ
3. Low Fat Ice Cream เป็นไอศกรีมที่มีไขมันไม่เกิน 3 เปอร์เซ็นต์ และยังมีอีกชนิดที่คล้ายกันคือ Non Fat ซึ่งแทบจะไม่มีไขมันเลย คือ 0.5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ถือเป็นตัวเลือกชั้นดีของคนรักไอศกรีมที่กลัวอ้วน
4. Gelato เจลาโต้มีเนื้อที่ข้นและหนืดมาก มีกลิ่นรสจัดจ้านเพราะอุณหภูมิขณะเสิร์ฟสูงกว่าไอศกรีมทั่วไป ทำให้กลิ่นรสระเหยได้มากกว่า ซึ่งส่วนใหญ่มีไขมันต่ำแค่ 6-7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
5. Soft Serve ขอเรียกไอศกรีมชนิดนี้ว่า ไอศกรีมสะดวกซื้อ เพราะทำกันสดใหม่ เพียงปั่นส่วนผสมให้เป็นไอศกรีม แล้วหมุนออกจากเครื่องใส่โคนหรือถ้วยได้เลย ไม่ต้องแช่แข็ง เนื้อนุ่มเบา มีไขมันไม่มาก แต่มีกลิ่นรสชัดเจน
6. Fruit Sherbet หรือ เชอร์เบ็ต เป็นไอศกรีมผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวหรือหวานก็ได้ แต่ต้องมีไขมันต่ำเพียง 1-2 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น
7. Sorbet หรือ Sorbetto ซอร์เบต์ทำจากน้ำและเนื้อผลไม้โดยไม่มีส่วนผสมของไขมันเลย มีเนื้อค่อนข้างหยาบและแน่นกว่าเชอร์เบ็ต
8. Frozen Yogurt ไอศกรีมชนิดนี้เติมโยเกิร์ตลงไปในส่วนผสมเพียงประมาณ 10-20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งช่วยให้มีไขมันต่ำลง และเนื้อหนืดดีขึ้น แต่อาจไม่มีกลิ่นรสของโยเกิร์ตชัดเจนนัก
9. Granite การ์นิเต้เป็นไอศกรีมเนื้อหยาบคล้ายน้ำแข็งไส ทำง่าย ๆ เพียงนำน้ำผลไม้ไปแช่แข็งแล้วนำออกมาขูดเป็นระยะให้มีลักษณะเป็นเกล็ดน้ำแข็งฝอย ๆ
10. Water Ice หรือไอศกรีมหวานเย็น ที่แค่นำน้ำหวานไปแช่ให้แข็งโดยไม่มีการปั่นหรือขูดให้ฟูเลย

โคนไอศกรีมเกิดขึ้นโดยบังเอิญในงานเซนต์หลุยแฟร์ เพราะในวันงานเกิดมีลูกค้ามากจนถ้วยกระดาษหมด คนขายจึงหันไปขอวอฟเฟิลจากร้านอื่นมาม้วนใส่ไอศกรีมให้ลูกค้าแทน จนมีโคนไอศกรีมทำออกมาขายจริงจังในชื่อว่า “Cone” ในปี 1892 โดยฝีมือชาวอิตาลีในอเมริกาชื่อ Italo Marchiony


คอไอศกรีมแทบทุกคนคงเคยมีอาการปวดจี๊ดขึ้นสมองเวลากินไอศกรีม เรียกว่า ไอศกรีมเฮดเอค (Ice Cream Headache) มีวิธีแก้ง่าย ๆ เพียงสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ สักพักจะรู้สึกดีขึ้นเอง

ขอขอบคุณ
ผศ.ดร. สมจิต สุรพัฒน์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
อาจารย์พรหล้า ขาวเธียร ภาควิชาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเกษตร
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เอื้อเฟื้อข้อมูล
อ้างอิง : แรกมีในสยามเล่ม 1 และ 3” โดย เอนก นาวิกมูล
108 ซองคำถามโดย สำนักพิมพ์สารคดี “Easy ice cream” โดย สมชาย มหาสิงห์
www.icecreamfanclub.com
COUSINE feature จิรัฏฐ์ ฉายะจินดาวงศ์ ภาพ : ทีมภาพ H&C
HELATH & CUISINE พฤษภาคม 2550 Sweetest Things