วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

เรื่องของผมที่อยากให้คุณรู้

9 วิธีทำร้ายเส้นผม คุณเผลอทำร้ายผม แบบไม่ตั้งใจกันหรือเปล่า ? 1. เป่าตลอด
จะวันหยุด วันทำงาน วันไหน ๆ ฉันก็ต้องเซ็ตผมด้วยเครื่องเป่าผม เปิดให้ร้อนสุดฤทธิ์ และในที่สุด ผมสวยๆ ของคุณ ็กลายเป็นผมแห้งไมต่างอะไรกับซังมะพร้าวดี ๆ นี่เอง ถ้าไม่รีบนักลองปล่อยให้ผมแห้งเอง โดยธรรมชาติบ้างและหากต้องใช้เครื่อง เป่าผมก็อย่าจ่อเครื่องเป่าให้แนบติดกับผมมากเกินไป หาเครื่องเป่าผมที่มีช่องลมโต ๆ และเปิดความร้อนให้ระดับต่ำสุด จะดีกับสุขภาพของเส้นผมของคุณมากกว่า

2. แปรงผมวันละร้อยครั้ง
ใครว่าแปรงผมบ่อย ๆ แล้วผมจะสวยเริ่ดน่ะ เลิกเชื่อได้แล้วล่ะ เพราะการแปรงผม คือการจัดผมให้เข้ารูปเข้าทรง แปรงผมบ่อยเกินไป จะไปดึงเส้นผม อาจทำให้หนังศีรษะถลอกเป็นแผลได้ และที่สำคัญควร
แปรงผมอย่างเบามือ เลือกใช้แปรงที่ขนแปรงห่างกันมาก ๆ จะช่วยป้องกันเส้นผมพันกันค่ะ

3. ใช้แชมพูทูอินวันสะดวกดี
แชมพูประเภททูอินวันน่ะสะดวกดี แต่ไม่ควรใช้เป็นประจำ เพราะอาจทำให้เส้นผมของคุณหยาบกระด้างได้ จ่ายตังค์เพิ่มขึ้นอีกหน่อยเลือกใช้แชมพู และครีมนวดผมที่เหมาะกับสภาพเส้นผมจะดีกว่าน่า

4. ใช้ยางหนังสติ๊กรัดผม
ยางหนังสติ๊กน่ะ เขาทำมาสำหรับรัดปากถุง แต่สาว ๆ ที่ชอบนำมารัดผม ในยามที่รวบหางม้า จะทำให้ผมอ่อนแอ และแตกปลายได้ เลือกใช้ที่ยางรัดผม ที่หุ้มด้วยผ้า จะถนอมเส้นผมของคุณมากกว่าค่ะ

5. เกาแกรก ๆ ในระหว่างสระผม
คนที่ชอบเกาแกรก ๆ ในระหว่างสระผม เพราะเกิดอาการคันผม หรือคันมือคันไม้ ก็ตามที ขอบอกว่าถ้าคุณเป็นรังแค การเกาแกรก ๆ จะทำให้รังแคลุกลามมากขึ้น การสระผมที่ถูกวิธี ควรนวดด้วยฝ่ามือแทนที่จะเกาแกรก ๆ อย่างที่เคยชินมือ

6. เป่าผมในขณะที่ผมยังเปียกอยู่
การเป่าผม หลังจากที่สระผมเสร็จแล้ว โดยที่ผมยังเปียกชื้นอยู่ ผมอาจจะแห้งไวสมใจ แต่จะมีปัญหาผมแห้งกรอบตามมา ให้หนักใจกันอีกด้วยนะสิ อยากถนอมเส้นผม ให้ดูสวย ไม่แห้ง จนขาดชีวิตชีวา ควรปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติบ้าง ถ้าจะเป่าผมก็ไม่ว่ากัน แต่ควรซับน้ำออกจากผมให้มากที่สุดก่อน

7. ไม่ค่อยสระผม
คุณอาจเคยเชื่อว่า สระผมบ่อย ๆ แล้วจะทำให้ผมแห้ง แต่ปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญเรื่องผม ต่างยืนยันมาว่าไม่จริงค่ะ ยิ่งคุณอยู่ท่ามกลางมลพิษ อย่างเมืองกรุงของเรา คุณจำเป็นต้องสระผมบ่อย ๆ ควรสระทุกครั้งที่รู้สึกว่า ผมสกปรก เพราะสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษนี่แหล่ะ เป็นต้นเหตุให้ผมของคุณขาดประกายเงางามและกลายเป็นผมหยาบมือในที่สุด

8. ประโคมเครื่องสำอางสำหรับผมมากไป
สาวสมัยนี้ นอกจากมีเครื่องประทินผิวช่วยยับยั้งความแก่ มีเมคอัพหลากสีสัน ให้ปรุงแต่งตามอารมณ์สาว เครื่องสำอางสำหรับผม ก็ไม่น้อยหน้า มีให้เลือกใช้แบบเลือกกันไม่ถูกทีเดียว ทั้งแบบเจล โฟม สเปรย์ โลชั่น แต่การใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผมกันเป็นประจำ ชนิดที่ไม่ปล่อยให้เส้นผมได้สวยตามธรรมชาติ ก็อาจทำให้เกิดการตกค้างของสารเคมีบนเส้นผมของคุณ ทำให้เส้นผมส่องประกายเงางามได้ยาก ถ้าคุณใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผมบ่อย ก็ควรจะสระผมด้วยแชมพูสูตรอ่อนใสบ้าง เพื่อช่วยชำระสารเคมีตกค้างจากผลิตภัณฑ์ตกแต่งทรงผม

9. ดัด ๆ ยืด ๆ ตามแฟชั่น
แม้จะทำให้คุณสวย แบบไม่หลุดเทรนด์ แต่เป็นการทารุณกับเส้นผมของคุณเป็นอย่างมาก เพราะศัตรูตัวร้ายรองจากแสงแดด และการเป่าผม ก็คือการปล่อยให้เส้นผมโดนสารเคมีแรง ๆ จากน้ำยาดัด และยืดผม ซึ่งทำให้ผมของคุณป่วยได้ง่ายๆ เหมือนกัน

ความหมายดี

ชื่อเรานั้นเป็นสิ่งแทนตัวตนของเราทั้งหมด โหราศาสตร์อย่างอื่นในการแก้เคล็ด แก้กรรมใดๆก็ดี ก็ยังไม่เท่าแก้ที่โหราศาสตร์ชื่อ เพราะเป็นเสมือนแก้ที่จุดต้นเหตุของสิ่งไม่ดี อุปสรรคต่างๆให้หมดไป หรือการเสริมบารมีก็เหมือนการเสริมที่ตัวเราโดยเฉพาะ เสรอมที่แก่นของตัวตนเรา ผลที่ได้ย่อมมีประสิทธิภาพและเห็นได้ชัดเจนกว่า การแก้ไขด้วยโหราศาสตร์อย่างอื่นๆ
ทักษานั้น แตกต่างกันไปตามแต่ละวัน ตัวอักษรอักขระบางตัวนั้น เป็นโทษของวันหนึ่ง แต่กลับ เป็นคุณประโยชน์ต่ออีกวันหนึ่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดังสามารถดูตัวอย่างได้ตามวัน ซึ่งทางโหราศาสตร์มีความเชื่อกันว่า วรรคต่างๆ อาทิ เดช ศรี มูละ นั้น ให้ผลต่างๆกันไปตามแต่วรรคนั้นๆ โดย จากประสบการณ์และตามตำราแล้ว การใช้วรรคใดขึ้นหน้านั้นก็ไม่มีผลต่างกันกับวรรคอื่นๆที่ตามมา เพียงแต่ขออย่าให้มีกาลกิณีก็เพียงพอแล้วใน ส่วนของศาสตร์ทักษานี้ เพราะพลังที่ส่งผลให้มานั้น จะเป็นพลังโดยรวมมิใช้เรียงลำดับตามตัวอักษร ชื่อ อย่างที่เข้าใจกัน และผู้ชายก็ไม่จำเป็นต้องใช้วรรคเดชนำหน้าเสมอไป และผู้หญิงก็มิต้องใช้วรรคศรีนำหน้าเสมอไปเช่นเดียวกัน หากแต่ใช่วรรคใดก็ได้ในการนำชื่อ ขอให้ยึดชื่อที่ชอบเป็นหลัก และในชื่อต้องไม่มีกาลกิณีก็ดีที่สุดแล้วค่ะ

ตายไม่สิ้นชื่อ

ทำอย่างไร ให้เข้าถึงจริง........ซึ่งทุกสิ่งคือความทุกข์
ไม่จีรัง ไม่ยั่งยืน.......ก็ต้องคืนในความจริง
สู่ธรรมชาติของทุกสิ่ง......เราต้องขอเอาไปทิ้ง
ซึ่งขันธ์ 5 ไม่ใช่เรา.......เมื่อตัดขันธ์ และทุกสิ่ง
มุ่งสู่นิพพาน ซึ่งเป็นจริง......มีแต่สุข ไม่ทุกข์เอย..
พระพุทธเจ้าได้เคยตรัสไว้ว่า เมื่อตายจากโลกนี้ไปแล้ว ทางที่ไปมี 5 สาย คือ
1. อบายภูมิ ได้แก่ เกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นสัตว์เดรัจฉานคือ    เป็นบุคคลที่ละเมิดศีล 5 เมื่อตายจากคนแล้วไปสู่อบายภูมิ

2. เกิดเป็นมนุษย์ ผู้ที่จะมาเกิดเป็นมนุษย์ได้อีกนั้นจะต้องเป็นผู้ที่มีกรรมบท 10 เป็นคนมีศีล 5 ประจำ

3. เกิดเป็นเทวดาหรือนางฟ้าอยู่บนสวรรค์ จะต้องเป็นผู้ที่มีความละอายต่อความชั่ว เกรงผลของความชั่วทั้งต่อหน้าและลับหลัง

4. เกิดเป็นพรหม จะต้องเป็นนักกรรมฐาน มีอารมณ์จิตเป็นฌาน คือเข้าฌานตาย

5. ไปนิพพาน แดนเกิดสายที่ 5 แดนนิพพานนี้ คนที่จะถึงพระนิพพานได้นั้นจะต้องมีความบริสุทธิ์ 10 อย่างคือ

1. ไม่เมาในตนเองหรือวัตถุ รู้เสมอว่าจะต้องตายและพลัดพรากจากของรัก
2. ไม่สงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่สอนว่าไม่มีอะไรทรงสภาพเป็นปกติได้ ทุกสิ่งทุกอย่างเสื่อมไปตามกาลเวลา และทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
3. รักษาศีลมั่นคง ดำรงจิตอยู่ในศีลเป็นปกติ
4. ทำลายความใคร่ในกามารมณ์ให้สิ้นไปจากใจ รู้อยู่เสมอว่าความรักเป็นเหตุให้เกิดทุกข์
5. มีจิตใจเมตตาปราณี ไม่จองล้างจองผลาญคิดทำอันตรายใคร
6. ไม่มัวเมาในรูปฌาน ไม่สนใจใยดีในความดีที่ตนยังไม่ได้
7. ไม่มัวเมาอรูปฌาน โดยคิดว่าความดีเพียงเท่านี้ยังไม่สิ้นทุกข์
8. มีอารมณ์เป็นปกติ มีจิตใจที่เต็มไปด้วยความหวังดี
9. ไม่ถือตนว่าเป็นคนดี ทะนงตนว่าดีเลิศประเสริฐกว่าใคร
10. ตัดความรักใคร่ในโลกีย์วิสัยให้หมด ทำอารมณ์เป็นพระพุทธในพระอุโบสถ คือ จะดีจะชั่วก็ยิ้ม เพราะเห็นเป็นธรรมดา รู้ตัวอยู่เสมอว่าจะต้องตาย ไม่สะดุ้งหวาดกลัว มีอารมณ์ใจปกติ ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่ผูกพันทรัพย์สิ้นหรือสัตว์หรือบุคคลอื่น เท่านี้ก็ไปพระนิพพานได้